ผื่นผ้าอ้อมมีที่มาอย่างไร?

#ผื่นผ้าอ้อมมีที่มาอย่างไร?

คุณแม่แทบทุกคนที่มีลูกน้อย ต้องผ่านการใช้ผ้าอ้อม ผ้าสาลู ทันการใช้แพมเพิร์ส ต้องพบเจอปัญหาเดียวกันคือ ปัญหาผื่นผ้าอ้อม!!! ยิ่งลูกน้อยวัย 3-18 เดือน เป็นช่วงที่มองข้ามและละเลยไปไม่ได้ทีเดียว เพราะเจ้าผื่นผ้าอ้อมนี้เป็นตัวการขัดขวางพัฒนาการที่ดีของลูกอย่างคาดไม่ถึง ลูกจะไม่อยากขยับตัวเพราะความเจ็บจากผื่นผ้าอ้อม หากวิธีการป้องกันและรักษาไม่ใช่เรื่องยากที่คุณแม่จะรับมือผื่นผ้าอ้อมมาจากความอับชื้นเป็นหลัก ความอับชื้นภายในผ้าอ้อมที่เกิดจากปัสสาวะและอุจจาระที่สัมผัสผิวลูกเป็นเวลานานคือ สาเหตุสำคัญของการเกิดผื่นผ้าอ้อม ผื่นผ้าอ้อมพบได้ตั้งแต่👇🏼👇🏼

✅เด็กแรกเกิดที่เริ่มใส่ผ้าอ้อมทั้งผ้าแบบห่อเอง

✅ผ้าอ้อมซักได้แบบกางเกง และผ้าอ้อมสำเร็จรูป

✅และพบมากในเด็กอายุประมาณ 3-18 เดือน

เมื่อผิวลูกที่บอบบางสัมผัสความอับชื้นนานๆ จะเกิดการระคายเคือง เสียดสีตลอดเวลา เกิดผื่นแดงขึ้นบริเวณขาหนีบ อวัยวะเพศ ก้น เป็นต้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้กับลูกน้อย คุณแม่ต้องหาวิธีป้องกันและรักษาให้หายจากผื่นผ้าอ้อมกันแล้วล่ะ... ติดตามบทความดี ๆ กัน

#วิธีการป้องกันผื่นผ้าอ้อม

#NubyThailand

#Nuby

#ผ้าอ้อมคุณภาพ

ผื่นผ้าอ้อมความเสี่ยงที่ป้องกันได้!?

#ผื่นผ้าอ้อมความเสี่ยงที่ป้องกันได้!?

จากสถิติที่คุณกับแม่ 1,000 คน พบว่าปัญหาผื่นผ้าอ้อมเป็นปัญหาอันดับ 1 ที่คุณแม่กังวลใจ .... วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแม่ทุกท่าน .... วิธีง่าย ๆ สังเกตสัญญาณการเกิด “ผื่นผ้าอ้อม” เมื่อคุณแม่พบสัญญาณเหล่านี้บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเกิดผื่นผ้าอ้อม จึงควรดูแลทำความสะอาดก้นลูกน้อยเป็นพิเศษ

✅เมื่อไม่ได้เปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นเวลานานๆ เช่น เวลาที่ออกไปข้างนอกหรือตอนกลางคืน

✅เมื่อท้องเสีย

✅เมื่อถ่ายอุจจาระเหลวออกมามากๆ และความถี่ในการถ่ายเพิ่มขึ้น

ทุกวันนี้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้พัฒนามากขึ้น สามารถซึมซับและเก็บของเหลวได้เร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องให้ผิวลูกน้อยแห้งได้เร็วขึ้น จำนวนเด็กที่เป็นผื่นผ้าอ้อมในปัจจุบัน จึงลดลงมากเมื่อเทียบกับในอดีต แต่...ผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่สามารถซึมซับของแข็ง เช่น อุจจาระ ได้ หากทารกมีอาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลวในวันหนึ่งหลายครั้ง ก็จะเกิดผื่นผ้าอ้อมได้ง่าย ยิ่งกว่านั้นในช่วงอากาศร้อน “ไวรัสโรต้า” ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดและอาการท้องเสียอย่างรุนแรง อาจทำให้เด็กทารกเสี่ยงต่อการเป็นผื่นผ้าอ้อมได้ง่ายมากขึ้น ในทารกที่อายุยังน้อยนั้น เมื่อผิวหนังสัมผัสกับของเสียที่ร่างกายขับออกมาหลายครั้ง แหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดีคือ...ก้น ยิ่งผ้าอ้อมไม่ได้เปลี่ยนเป็นเวลานานๆ ความอับชื้นในผ้าอ้อมจะทำให้ผิวหนังย่นและระคายเคืองได้ง่าย ยิ่งมีทั้งอุจจาระและปัสสาวะอยู่ในผ้าอ้อม ค่า pH ของผิวหนังจะเพิ่มสูงขึ้น และยิ่งไปกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองมากขึ้น

👉การใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่รัดแน่นไป ทำให้ผิวหนังกับผ้าอ้อมเกิดการเสียดสีกัน ยิ่งทำให้ผิวหนังอักเสบได้เช่นกัน

👉เชื้อรา อีกสาเหตุของผื่นผ้าอ้อมนอกเหนือจากปัสสาวะและอุจจาระ

👉ปัจจัยของความอับชื้นและเหงื่อที่ทำให้ผิวระคายเคืองคือสาเหตุสำคัญของผื่นผ้าอ้อม หาก...

👉เชื้อรา เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อมได้เช่นกัน

โดยปกติ ผื่นผ้าอ้อมจะเกิดตรงบริเวณที่ผิวสัมผัสกับผ้าอ้อม และอาจรวมถึงจุดที่ไม่ได้สัมผัสโดยตรงกับผ้าอ้อม เช่น รอยพับของผิว จากลักษณะเฉพาะของผิวที่เป็นรอยแดง บริเวณโดยรอบจะเกิดผื่นเล็กๆ สีแดงให้เห็นด้วย หากมีเชื้อรารวมตัวอยู่ด้วยจะทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยการรักษาทั่วไป ทำได้คือการทายาสเตียรอยด์ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อใดที่ใช้ยาที่ได้รับมาแล้วอาการแย่ลง ให้สงสัยว่าเป็นอาการผื่นผ้าอ้อมที่เกิดจากเชื้อรา หรืออาจเป็นผิวหนังอักเสบติดเชื้อจากยาที่ทา คุณแม่อย่าชะล่าใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที ถ้าเป็นผื่นผ้าอ้อมชนิดธรรมดา ทายารักษาแล้ว จะเกิดผล 1 ใน 3 ประการคือ # หาย #ไม่หาย # แย่ลง หากไม่หาย อาจมาจากการอาบน้ำไม่ถูกสุขลักษณะ จากการทายาไม่ถูกวิธี ก้นไม่สะอาด หากแย่ลง ขึ้นอยู่กับยาที่ทาว่า ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบติดเชื้อจากยานี้หรือไม่ ส่วนสาเหตุอื่นพบน้อยมาก ใส่ใจความสะอาดของลูกน้อยเพื่อพัฒนาการที่ดีในทุกด้าน... หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่นะคะ ติดตามบทความดี ๆ ที่นี่

#NubyComfortThailand

#Nuby

หากคุณแม่รู้เรื่องนี้จะเลิกกุมขมับเรื่องลูกฉี่ล้นอย่างแน่นอน

#หากคุณแม่รู้เรื่องนี้จะเลิกกุมขมับเรื่องลูกฉี่ล้นอย่างแน่นอน

จากที่คุณแม่จ๋าหลายต่อหลายท่านได้ติดต่อสอบถามเข้ามาพูดคุยกับเรา สิ่งที่เป็นปัญหาหลังจากใส่ผ้าอ้อมยี่ห้ออื่นๆ คือ

😔 ไหล ล้น เลอะ ขอบขา

😔 เก็บปัสสาวะไม่อยู่ ทะลุ

😔 ตุง จับตับเป็นก้อน หนา เทอะทะ

😔 ขอบขา แดง เป็นรอยนูน กัดผิว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ทำลายความสุข สุขภาพของทั้งลูกรัก และคุณแม่ด้วย แต่ในขณะเดียวกัน คุณแม่ที่ใส่ผ้าอ้อมนูบี้ให้ลูกนับ 100 คนเฉพาะในบ้านเรา กลับไม่เจอปัญหาเหล่านี้เลย…นี่ไม่นับรวมคุณแม่กว่า 155 ประเทศทั่วโลกที่ใส่ผ้าอ้อมนูบี้ให้ลูกนะคะ สิ่งที่ทำให้_นูบี้_ตอบโจทย์แก้ปัญหาเหล่านี้เพราะออกแบบอย่างแตกต่างพิเศษที่

😊 ผิวสัมผัสที่เป็นแบบรังผึ้งโคงนูน 6 มิติ มีช่องดูดซับปัสสาวะได้ไว ฉี่ปุ๊บ ซึมซับทันที และกระจายปัสสาวะแบบรอบด้าน 360 องศา ไม่มีไหล ล้น เลอะ ขอบขา

😊 แผ่นซึมซับ 3 ชั้น มาพร้อมเม็ดเจลเมจิกล็อค ที่รองรับปัสสาวะได้ถึง 12 แก้ว พร้อมกับกระจายปัสสาวะได้ทั่วแผ่น ไม่ตุง ไม่จับกันเป็นก้อน ไม่หนา เทอะทะ

😊 ผ้าอ้อมบางเพียง 3 มม. และด้วยสัมผัสโค้งนูนแบบรังผึ้ง ไม่เรียบแบน ทำให้มีช่องว่างเล็กๆให้อากาศได้ไหลผ่าน ทำให้ระบายอากาศได้เร็วขึ้นถึง 28% ผิวลูกจึงแห้งสบาย ไม่อับชื้น ผดผื่นไม่มี

😊 ขอบขา 2 ชั้น เพิ่มความมั่นใจอีกชั้น ป้องกันปัสสาวะไหลซึมออก โดยเฉพาะลูกนอนตะแคง ...ใสนูบี้ตะแคงท่าไหนมั่นใจไม่เปียก

😊 ขอบขา แถบเอวที่ยืดหยุ่นเพิ่มได้ 2.8 เท่า ยืดหยุ่นได้ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหว ไม่รัดแน่น ไม่ดึงรั้ง จึงไม่ทำให้เกิดรอยแดง รอยนูน

😊 อ่อนโยนอย่างแตกต่างหนึ่งเดียวที่นูบี้มี เพราะมีค่า pH 5.5 เป็นธรรมชาติเดียวกับผิวทารก จึงไม่แพ้ ไม่กัดผิวลูก นี่จึงเป็นเหตุผลว่า นูบี้ ตอบโจทย์แก้ปัญหาที่คุณแม่ๆเคยเจอมา..♥️ การที่ลูกได้ใส่ผ้าอ้อมคุณภาพดี จะช่วยให้ลูกหลับเร็วขึ้น 30% และนานขึ้น 30 นาที ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ กินอาหารได้ดีขึ้น อารมณ์ดี การเจริญเติบโตดี พัฒนาการสมองก้าวกระโดด คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อน แม้กระทั้งมีเวลาเหลือกุ๊กกิ๊กกับคุณพ่อได้ด้วย

😊😘 คุณแม่จ๋า หลังจากที่ได้รู้จักผ้าอ้อมนูบี้ ตัดสินใจสั่งซื้อทันที ไม่มีลังเลเลยจ้า

😊 #คุณแม่จ๋าสามารถสั่งซื้อนูบี้ได้เพียงแค่กดลิงค์

👇

http://m.me/nubycomfortthailand

#หรือสามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่าน ราคา 380 บาท/ แพค / ราคาเท่ากันหมดทุกไซส์ S: มี 52 ชิ้น M: มี 48 ชิ้น L: มี 46 ชิ้น XL: มี 44 ชิ้น ตอนนี้โปรโมรชั่น 4 แพค ส่งฟรี!!!

#Nubycomfortthailand

#Nubyclub #ผ้าอ้อมคุณภาพดี

#ผ้าอ้อมเกรดพรีเมี่ยม

#ผ้าอ้อมแห้งเบาสบาย

#ผ้าอ้อมนุ่มเนียน

#ชุดเตรียมคลอด

#ของฝากเยี่ยมคลอด ______________________________

#ผ้าอ้อมรั่ว

#ผ้าอ้อมล้นเลอะ

#ผ้าอ้อมตุงเทอะทะ #ผื่นแพ้ผ้าอ้อม #ผ้าอ้อมแห้งสบาย

มาตื่นรู้วิธีป้องกันและรักษาผื่นผ้าอ้อม

#คุณแม่ยุคใหม่รับมือกับผื่นผ้าอ้อมอย่างเข้าใจไร้กังวลอีกต่อไป!!

หากลูกน้อยเกิดอาการผื่นผ้าอ้อมขึ้นแล้ว ให้คุณแม่ดูแลอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ ถ้ารักษากันที่บ้านไม่หาย ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน มาตื่นรู้วิธีป้องกันและรักษาผื่นผ้าอ้อม

✅การดูแลก้นลูกน้อยและวิธีอาบน้ำไม่ต่างจากปกติ สิ่งที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษคือ ต้องไม่ถูบริเวณที่ผิวลูกน้อยอักเสบ หรือนำสำลีไปชุบน้ำอุ่นให้ชุ่ม ล้างเฉพาะจุดที่เปื้อนให้สิ่งสกปรกออกมา

✅ขณะอาบน้ำก็ให้ใช้น้ำที่อุ่นน้อยกว่าที่ใช้อาบปกติ ใช้สบู่หรือสบู่เหลวทำความสะอาดตัวเพียงวันละครั้งก็พอ ถ้าใช้สบู่ล้างแล้วลูกรู้สึกแสบและร้องไห้ควรหยุดใช้สบู่และล้างแค่น้ำอุ่นอย่างเดียว

✅หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือหลังอาบน้ำควรซับผิวเบาๆ ให้แห้ง ปล่อยให้ผิวสัมผัสลมจนแห้งดีแล้วจึงทาโลชั่น หรือครีมดูแลผิวที่ส่วนผสมของ Zinc oxide เพื่อเคลือบผิว ป้องกันความอับชื้นและลดการระคายเคือง

✅รวมทั้งสามารถทาครีมรักษาที่มีส่วนผสมของยาสเตียรอยด์ชนิดอ่อนๆ เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ และควรทาเพียง 3 - 5 วันเท่านั้น สำคัญ...เมื่อลูกอุจจาระ ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที หากปัสสาวะ ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างน้อย 3 - 4 ชั่วโมงต่อ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอับชื้นและสัมผัสกับของเสียนานมากเกินไป จนเชื้อโรคเข้าสู่ผิวและเป็นสาเหตุให้เกิดผื่นผ้าอ้อมได้ง่าย

✅ควรให้ผิวลูกได้หายใจบ้างนะคะ ไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมตลอดเวลา เช่น ก่อนใส่ผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ลูก ให้นอนเล่นบนแผ่นซึมซับก่อนสัก 15 - 30 นาที หรือให้ลูกได้นอนเล่นแบบเปลือยหรือใส่กางเกงบาง แล้วจึงค่อยใส่ผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ลูกน้อย

✅เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้าอ้อมผ้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติที่ไม่ตกค้างและระคายเคืองต่อผิวลูก

👉ลองเปลี่ยนยี่ห้อใหม่... หากใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วเกิดผื่นผ้าอ้อม เลือกยี่ห้อที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีการระบายอากาศดี ขอบเอวและขาสามารถยืดขยายได้ตามร่างกายของลูก และมีการซึมซับอุจจาระและปัสสาวะได้ง่าย ถึงเวลาปรึกษาแพทย์เมื่อ...

👉คุณแม่พบว่าก้นลูกน้อยแดงจากการใส่ผ้าอ้อมตลอดทั้งคืน ต้องเช็ดทำความสะอาดก้น และสังเกตว่า ลูกร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด อาการแดงที่ก้นลุกลามไปส่วนอื่นอย่างรวดเร็วหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนี้คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์ และและใช้ยาที่ได้รับมาจากแพทย์ควบคู่กับการดูแลรักษาที่บ้าน ยาทาที่ได้รับมามี 3 ประเภทที่คุณแม่ต้องรู้จัก

👉ยาชนิดไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ส่วนใหญ่ยาทาผื่นผ้าอ้อมจะเป็นยาบรรเทาอาการอักเสบและไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (สารจำพวกครีมขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของZinc) ก่อนทายาควรทำความสะอาดผิว โดยล้างสิ่งสกปรกออกให้หมด แล้วใช้ปลายนิ้วแตะตัวยาทาบางๆที่ผิวลูก

👉ยาชนิดมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ แพทย์อาจให้ยาทาแก้อักเสบที่มีฤทธิ์แรงขึ้นและมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ทายาชนิดไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์แล้วไม่หาย ทายาบางๆ บริเวณที่อักเสบมากๆ ไม่ควรทาไปยังจุดที่ไม่ได้อักเสบ ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดเมื่อหายดีแล้วให้หยุดใช้

👉ยาต้านเชื้อรา ปัจจุบันในการรักษาเชื้อราต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา ใช้ทาแค่วันละครั้งก็พอ หากทามากกว่า 1 ครั้งแล้ว อาจไปกระตุ้นให้อาการผื่นผ้าอ้อมแย่ลง เมื่อรู้เท่าทันผื่นผ้าอ้อม การป้องกันและรักษาก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่ต้องตระหนกอีกต่อไป เตรียมพร้อมรับมือได้อย่างง่ายเมื่อเกิดผื่นผ้าอ้อมขึ้นมา ติดตามบทความดีๆ ที่นี่ตอนต่อไปกันเลยค่า...

#NubyComfortThailand

#Nuby

#ผ้าอ้อมคุณภาพUSA

สารอาหาร 6 ชนิดพลิกชีวิตลูก

**สารอาหาร 6 ชนิดพลิกชีวิตลูก

ไม่มีใครปฏิเสธแน่นอนว่า วัยเด็กคือวัยที่ต้องการอาหารและสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาการอย่างสมวัยด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน “อาหาร” จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต

ยิ่งเด็กในวัย 1-3 ปี ยิ่งต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและสารอาหารจากธรรมชาติที่ควรได้รับอย่างสมวัย เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องรู้ไว้นะคะ

สารอาหารจากเนื้อสัตว์

ในเนื้อสัตว์มีโปรตีนที่มีประโยชน์
-ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย
-ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายให้ทำงานอย่างปกติ
-ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
#เด็กๆ ควรได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพจากไข่และเนื้อสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงถั่วและธัญพืชต่างๆ
#ปริมาณเนื้อสัตว์ที่เหมาะสมกับเด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับคือ วันละ 3 ช้อนกินข้าว

สารอาหารจากข้าว-แป้ง

ข้าวและแป้งให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตแก่ร่างกาย ให้พลังงานและมีกลูโคสสำหรับการทำงานของสมองด้วย แต่ๆๆๆๆ อย่ารับไปจำนวนมากเพราะจะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายและทำให้เกิดโรคอ้วนได้ง่ายค่ะ
#คุณแม่เลือกข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลวีตให้ลูกกินเถอะค่ะ สองอย่างนี้มีคุณค่าทางสารอาหารมาก ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมสารอาหารไปใช้ มีเส้นใยอาหารและวิตามินแร่ธาตุด้วย
#ข้าวหรือแป้งที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับคือ วันละ 3 ทัพพีค่ะ

สารอาหารจากผัก

ผักทุกชนิดมีสารอาหารสำคัญอย่างเกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีเส้นใยที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย #สำคัญคือ...เกลือแร่เป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้
#เด็กๆ บ้านไหนกินผักยากบ้างค่ะ เชื่อว่าต้องมีหลายบ้าน คุณแม่จึงควรทำอาหารที่มีวัตถุดิบเป็นผักซ่อนอยู่ในเมนูอาหารต่างๆ เลือกใช้ผักให้หลากหลายสีเพื่อกระตุ้นให้ลูกกินผักมากขึ้น
#วันละ 2 ทัพพี คือปริมาณผักที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับ

สารอาหารจากผลไม้

ผลไม้แต่ละชนิดอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ ที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย แถมยังมีกากใยที่ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ
#การหั่นผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ใส่ไว้ให้กล่องแล้วเข้าตู้เย็น เตรียมไว้เป็นอาหารว่างหรือหลังมื้ออาหารทำให้ลูกหยิบกินได้สะดวก แถมยังสดชื่นอีกด้วย
#วันละ 3 ส่วน เป็นปริมาณผลไม้ที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับ

สารอาหารจากนม

เด็กทุกคนควรได้รับสารอาหารจากนม เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารทั้ง 5 หมู่ คือ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และวิตามิน มีโปรตีนที่มีกรดอะมิโนครบถ้วนทุกชนิด มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นธาตุที่สำคัญที่สุดในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน
#รสจืดจากนมวัวแท้ๆ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ ไม่เติมแต่งสารอาหาร และป้องกันไม่ให้ลูกเป็นเด็กที่ติดรสหวาน
#หลังหย่านมแม่หรือวัย 1 ขวบขึ้นไป ควรได้รับนมวันละ 2-3 กล่อง

สารอาหารจากน้ำมัน

ท้ายสุดคือ กรดไขมัน ที่ส่งผลต่อการทำงาน เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย เป็นแหล่งเก็บสำรองพลังงาน ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมันอย่าง วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี วิตามินเค อีกด้วย
คุณแม่ควรเลือกอาหารที่มีไขมันดีให้ลูกกิน เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด ให้ลูกกินน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม เลือกใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันรำข้าว
ปริมาณไขมันที่เหมาะสมที่เด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับคือ วันละน้อยกว่า 3 ช้อนชา

เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความรู้และเข้าใจในสารอาหารที่สำคัญต่อลูก
การเลือกและจัดให้ในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นผลดีต่อพัฒนาการอย่างสมวัยของลูกอย่างแน่นอน

ติดตามบทความดีๆ ที่นี่ตอนต่อไปกันเลยค่า...

#NubyComfortThailand
#Nuby
#ผ้าอ้อมคุณภาพUSA

Tips การสื่อสัมผัสรักคณพ่อมือใหม่กับทารกน้อย

คุณแม่แท็กคุณพ่อจ๋ามาดูด้วยกันจ้า 😊♥️

โอบอุ้มในอ้อมกอด สัมผัสอันอบอุ่น คือ วิธีการสื่อสารสัมผัสส่งต่อความรักเสริมสร้างสความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อกับลูกน้อยทารกแรกเกิดได้เป็นอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง แรกเกิดถึง 3 เดือนแรกจากการศึกษาของสหราชอาณาจักรระบุว่า เวลาที่คุณพ่อมีปฏิสัมพันธ์กับทารกน้อยมากขึ้น ในช่วงสองสามเดือนแรกที่คลอดออกมา สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านความคิดของเด็กนักวิจัยจาก Imperial College London King’s College London ได้ร่วมมือกับนักวิจัยของ Oxford University เพื่อศึกษาความความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกน้อยวัย 3 เดือน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า คุณพ่อมือใหม่มักจะมีความกระตือรือร้นในการเลี้ยงลูก เล่นกับลูก และดูแลลูก ไม่น่าเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของคุณพ่อมือใหม่นี้ จะทำให้ช่วยให้ลูกน้อยฉลาดขึ้นเมื่อเด็กๆ มีอายุได้ 2 ขวบ ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยให้คุณพ่อได้อุ้ม ได้สัมผัสลูกน้อย อย่างใกล้ชิด แล้วก็ยังเป็นการช่วยแบ่งเบาการเลี้ยงลูกให้คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อนอีกด้วยจ้า

1.ช่วยคุณแม่ป้อนนมลูก หรือถ้าลูกกินนมแม่ คุณพ่อก็ช่วยอุ้มลูกให้เรอหลังจากที่คุณแม่ให้นมก็ได้จ้า

2.อาบน้ำให้ลูก สำหรับคุณพ่อมือใหม่ ก็คงกล้าๆ กลัวๆ เก้ๆ กังๆ กลัวทำลูกจมน้ำ สำลักน้ำ ต่างๆ นานา ช่วงแรกๆ อาจจะมีคุณแม่เป็นพี่เลี้ยง พอเก่งค่อยฉายเดี่ยวอาบน้ำให้ลูกได้จ้า

3.เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก คุณพ่อก็จะได้เรียนรู้อารมณ์ ของกันและกัน ลูกจะหงุดหงิดเมื่อผ้าอ้อมเต็ม พ่อก็จะได้รู้และเข้าใจแยกแยะอาการท่าทางลูกได้ ส่วนคุณพ่อก็ได้รู้ว่าลูกส่งความรักผ่านอึนั้นเป็นอย่างไร เข้าใจแม่มากขึ้นด้วย 😁 เป็นโมเม้นท์ที่เป็นความทรงจำผ่านกลิ่น สร้างรอยยิ้ม แห่งความอบอุ่นได้ดีทีเดียว ถึงแม้ว่ากลิ่นจะไม่ค่อยโสภาก็ตาม😅

4.พาลูกไปเดินเล่น อาจจะใส่รถเข็นหรือเป้อุ้มเด็กทารกก็ได้ พาลูกออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน ปล่อยให้คุณแม่ได้พักบ้างเพราะนางอุ้มท้องมาแล้วเต็มๆ 9 เดือน
คุณพ่อเอาลูกใส่เป้อุ้มแนบอก ให้ลูกได้สัมผัสเสียงหัวใจของพ่อ สัมผัสถึงความปลอดภัยที่พ่อมีให้ได้ไม่แพ้แม่เลย ♥️

5.ปลอบประโลมเมื่อลูกร้องไห้เพราะความเศร้ารู้สึกไม่ปลอดภัย หรืออาจจะตกใจตื่นกลัวบางสิ่งบางอย่าง (ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วย) ให้คุณพ่อช้อนอุ้มลูกเอามาไว้ในอ้อมกอดแนบอก ร้องเพลง พูดกล่อมลูกเบาๆ พร้อมกับพาเดินรอบๆห้อง หรือรอบๆบ้าน คุณพ่อต้องอดทนพอสมควรในช่วงแรกๆ แต่เมื่อพ่อค่อยกล่อมไปเรื่อยๆ ทั้งลูกน้อย และคุณพ่อจะสื่อรักถึงกันแล้วลูกน้อยจะสงบแนบอกคุณพ่ออย่างอบอุ่น….

7.เล่นจะเอ๋ จั๊กจี้ ทำหน้าตาตลก ทำเสียงหยอกล้อ พร้อมกับสัมผัสลูก อุ้ม ยก ลูกแบบ ระวัง เล่นหัวเราะไปพร้อมกัน มีความสุขทั้งคุณพ่อและลูกน้อย

8.พาลูกเข้านอน ช่วงเวลาที่พิเศษสุดแห่งความใกล้ชิดระหว่างพ่อกับลูก คุณพ่ออาจจะอุ้มลูกนอนในอ้อมกอด หรืออุ้มลูกนอนแนบอก พร้อมกับโอ้บกอดเบาๆ หรือตบก้นเบาๆ ร้องเพลงกล่อมเบาๆ ความอบอุ่นที่ได้รับจากอกคุณพ่อ คลื่นพลังงานเสียงเพลงที่ลูกได้ยิน สิ่งเหล่านี้ ลูกสัมผัสได้ ระบบร่างกายลูกรับรู้ได้ ลูกมีความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดภัย หลับลึก หลับได้ดี ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง และการเจริญโตอย่างดีเยี่ยมในอนาคต

สำหรับคุณพ่อมือใหม่ อาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณแม่อยู่สักระยะ หากคุณพ่อทำทุกวันสม่ำเสมอแอดก็เชื่อว่า คุณพ่อก็เลี้ยง ดูแลลูกเก่งไม่แพ้คุณแม่เช่นกันจ้า….สู้ๆจ้าคุณพ่อเพื่อลูกรักเของเรา 😊♥️

ที่มา: emmasdiary.co.uk
theasianparent.com

อย่าลืมกดติดตามเพจนูบี้ เพื่อที่จะได้รับสาระข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับเจ้าหนูน้อยของคุณแม่ และทุกคนในครอบครัวนะคะ ♥️😊

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

#WangVilla

#Nubycomfortthailand

#ผ้าอ้อมเด็ก #ผ้าอ้อม #nuby
#แพมเพิสเด็ก

ทุกสารพัดปัญหาปวดหัวเรื่องผ้าอ้อมไม่ตอบโจทย์ปัญหาหนักอกของคุ

#ทุกสารพัดปัญหาปวดหัวเรื่องผ้าอ้อมไม่ตอบโจทย์ปัญหาหนักอกของคุณแม่!!!

#แก้ด้วยNubyนูบี้ หากคุณแม่กำลังเจอปัญหาเหล่านี้!!! เช่น แพ้ เป็นผื่นคันหลังใช้ผ้าอ้อม!!! ตุงจับเป็นก้อน!! ลูกน้อยเดินขาถ่างมาแต่ไกล่!!! ฉี่ล้น!!!ขวัญผวาตื่นมากลางดึก!!! แต่ช้าก่อนดูราคาของเราก่อนอ่านต่อ!!!

👉ราคา 380.- ทุกไซส์ ไซส์ S 52 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ M 48 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ L 46 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ XL. 44 ชิ้น/แพ็ค ถ้าคุณแม่คิดว่าคุ้มค่าที่จะจ่าย เลื่อนดูข้างล่างได้เลยจ้าว่า ผ้าอ้อมนูบี้ แก้ปัญหาสารพัดปวดหัวได้ยังไงบ้าง… #คุณแม่พร้อมที่จะยกระดับคุณภาพผ้าอ้อมให้ลูกหรือยัง!? ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนว่า..ราคา กับ คุณภาพมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน !! ยิ่งไปกว่านั้น..ราคา กับ ความพึงพอใจของการตอบโจทย์ปัญหาเรื่องผ้าอ้อม ที่แม่ ๆ ประสบพบเจอก็..ยิ่งไม่ใช่เรื่องเดียวกัน!! ... เพราะผ้าอ้อมเด็กในท้องตลาดมีมากมาย ราคาถูกก็มีเยอะ ราคาแพงก็มีให้เลือกใช้อยู่หลายแบรนด์ . ทั้งแบรนด์ของบ้านเรา และแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ . แต่ไม่ว่าจะถูก หรือแพง ของไทย หรือของนอก แต่ถ้าคุณแม่ยังเจอปัญหา ต่างๆเหล่านี้👇 .

😔 ไหล ล้น เลอะ ขอบขา

😔 เก็บปัสสาวะไม่อยู่ ทะลุ อุจจาระทะลัก

😔 ตุง จับกันเป็นก้อน หนา เทอะทะ

😔 ผ้าอ้อมไม่กระชับ โหลดหลุดก้น ผ้าอ้อมเข้าวิน

😔 แพ้ ขอบขา แดง เป็นรอยนูน กัดผิว

😞 หยาบ กระด้าง ไม่นุ่ม

😞 เปลืองผ้าอ้อม ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ หลายชิ้นต่อวัน

😞หลับไม่ยาว กลางคืนต้องลุกมาเปลี่ยน ผ้าอ้อม อดหลับ อดนอนทั้งแม่และลูก

😞ราคาแพง แต่ไม่แก้ปัญาที่ว่ามาเลย แล้วเราจะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร??? แน่นอน..ไม่ใช่เรื่องของราคาที่แพง และ แน่นอนไม่ใช่เรื่องของราคาที่ถูกลง แต่การเลือกใช้ผ้าอ้อมให้ถูกกับปัญหาที่แม่เผชิญจะถือเป็นแก้ปัญหาที่ถูกจุด และแก้ให้หายขาดอย่างถาวร!!! วันนี้..Nuby ขอเสนอSolution ใหม่สำหรับคุณแม่ที่มีอยากให้คุณลูกหายจากความเจ็บปวดของการใช้ผ้าอ้อมที่ผ่านมา #คืนรอยยิ้มและเวลานอนให้กับลูกน้อยอีกครั้ง!!! #Nuby แก้ปัญหาคุณแม่ได้ เพราะ👇

✅ ผิวหน้าด้านบนแผ่นซึมซับ เป็นรูปทรง 6 มิติ รังผึ้ง ผิวโค้งนูน ช่วยให้ดูดซึมซับได้ไว กระจายปัสสาวะ 360 องศา ไม่ล้น เลอะ ไหลเรี่ยราด อุจจาระไม่ซึม ทะลุ

✅ แผ่นซึมซับถึง 3 ชั้น ป้องกันความชื้นไม่ให้ไหลย้อน กระจายปัสสาวะได้เร็วทั่วทั้งแผ่น ทำให้ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ไม่ตุง ไม่เทอะทะ

✅ เม็ดเจลเมจิกล็อคที่สามารถกักเก็บปัสสาวะได้ถึง 12 แก้ว รองรับปัสสาวะได้ยาวนานตลอดทั้งคืน #ไม่ต้องลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมกลางดึก ลูกหลับยาวๆ แผ่นเดียวแห้งถึงเช้าจ้า

✅แผ่นซึมซับที่บางเพียง 3 มม. บางที่สุด ผิวสัมผัส6 มิติ โค้งนูน มีช่องว่างระหว่างผิวและผ้าอ้อมทำให้อากาศ ไหลผ่านระบายความชื้นได้เร็วขึ้น 20% ทำให้ผิวลูกแห้งเบา สบาย ไม่อับชื้น ผิวได้หายใจ

✅ขอบขาป้องกันการไหลเลอะ ถึง 2 ชั้น ลูกนอนตะแคงท่าไหน ปัสสาวะก็ไม่มีล้นเลอะขอบขา เก็บมิด ไม่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมทั่งที่ยังไม่เต็ม

✅นวัตกรรมผิวสัมผัสของ Nuby ความเนียนนุ่มดุจใยไหม นุ่มฟูดังปุยฝ้าย ลูกหลับผ่อนคลายสบายผิว

✅อ่อนโยนต่อผิวลูก ลดการระคายเคือง ไม่แพ้ ไม่เกิดผดผื่น ด้วย pH 5.5 คือค่าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณระบุว่าเป็นธรรมชาติเดียวกับผิวทารกแรกเกิด

✅แถบเอว ขอบขา สัมผัสฟูนุ่ม และที่สำคัญยืดได้ 2.8 เท่า รองรับได้ทุกท่าทางของลูก ไม่รัด ไม่ดึงรัง ขาลูกไม่มีรอยแดง ใส่สบายไม่อึดอัด ปีนป่าย ตีลังกาท่าไหนลูกสบายไม่มีเจ็บผิว

✅โอบกระชับ รอบเอว ไม่จับตัวกันเป็นก้อนตุง ไม่โหลดต่ำหลุดก้น เก็บมิด โคนขา ใหญ่แค่ไหนก็เอาอยู่ ไม่มีปัญหาผ้าอ้อมเข้าวิน

✅มีแถบเตือนเมื่อปัสสาวะเต็ม

✅ราคาคุ้มค่าเกินคุณภาพ คุณแม่ๆบอกมาเองจ้า มีรีวิว ยืนยันคุณภาพ แก้ปัญหาสาระพัด จากคุณแม่บ้านเรา ตามดูในคอมเม้นท์เลยจ้า คุณแม่ 😊👇

สุดท้าย..Nuby ผ้าอ้อมที่เกิดมาเพื่อแบ่งเบาปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่ได้แก้ด้วยราคาแพงเสมอไป วันนี้..คุณแม่พร้อมที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกรักหรือยัง??? ราคา 380.- ทุกไซส์ ไซส์ S 52 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ M 48 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ L 46 ชิ้น/แพ็ค ไซส์ XL. 44 ชิ้น/แพ็ค #สนใจสั่งซื้อทักอินบ๊อก พร้อมแจ้งรหัส "ABC" เพื่อรับ #ข้อเสนอพิเศษ 👇

http://m.me/nubycomfortthailand

#หรือเม้นท์ "ABC" เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ แอดมินจะทักอินบ็อกติดต่อกลับจ้า

#Nubycomfortthailand

#Nubyclub

#ผ้าอ้อมนูบี้

#ผ้าอ้อมกันแพ้

#ลองมาให้หมดจบที่Nuby

ลูกกำลังแพ้ไรฝุ่นหรือไม่

#เช็คด่วน!! ลูกน้อยมีอาการแบบนี้อยู่หรือเปล่า

อาการจาม คันจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไหล คันและเคืองตา ตาบวม ผิวหนังมีผื่นคัน แน่นหน้าอก หอบ เป็นต้น มันอาจจะเป็นอาการเบื้องต้นของคนที่แพ้ไรฝุ่นและยิ่งกับเด็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันโรคยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ สามารถเกิดอากการของภูมิแพ้ได้ง่ายค่ะ แล้วสงสัยกันไหมว่าเจ้าตัวไรฝุ่นทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้อย่างไร
ไรฝุ่น สาเหตุภูมิแพ้ หากจะพูดถึงวายร้ายประจำบ้านที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยอาการภูมิแพ้ ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าไรฝุ่น ที่อยู่ในชุดเครื่องนอนต่างๆ โดยเฉพาะกับหมอน เตียงนอน ผ้าห่ม ที่เด็กๆ และทุกคนในครอบครัวต้องสัมผัสกันทุกคืนมาดูกันจ้า ว่าเจ้าตัวไรฝุ่นที่ว่าหน้าเป็นยังไง แล้วทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ยังไง โดยเฉพาะกับเจ้าตัวเล็กที่บ้าน

#ไรฝุ่นคืออะไร

ตัวไรฝุ่นหรือไรฝุ่น (Dust Mite) เป็นสัตว์ประเภท ไร เช่น ไรฝุ่นบ้าน ไรนก ไรหนู ไรโรงเก็บ(Storage Mite) ฯลฯ ส่วนตัวไรที่เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ คือ ตัวไรฝุ่นบ้าน (House Dust Mite) ที่สามารถพบได้หลายที่ในบ้าน เช่น ในที่นอน หมอน พรม โซฟาที่มีเบาะเป็นผ้า กองขี้ฝุ่น ฯลฯ ซึ่งตัวไรฝุ่นคือสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่นอนที่ซื้อมาใหม่ๆ เมื่อใช้ไปได้ประมาณ 4-6 เดือน มีเศษผิวหนังของคนที่นอนลงไปอยู่พอสมควรแล้ว ก็มีไรฝุ่นมากพอที่จะทำให้คนที่แพ้ไรฝุ่นเกิดอาการภูมิแพ้ได้มีการสำรวจในประเทศไทยพบว่า ร้อยละ 60 ของที่นอนที่ทำการสำรวจมีปริมาณสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นสูงกว่า 10 ไมโครกรัม/ฝุ่น 1 กรัม ซึ่งเท่ากับตัวไรฝุ่น 500 ตัว/ฝุ่น 1 กรัม 😧 นี่แหละที่ทำให้ทุกคนเกิดมีอาการโรคภูมิแพ้กำเริบได้นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า ถ้าเด็กที่มีกรรมพันธุ์เป็นโรคภูมิแพ้ และได้รับไรฝุ่นในปริมาณที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการหายใจมีเสียงวี้ด (Wheeze) และโอกาสที่จะเป็นโรคหืดสูงกว่าเด็กทั่วไปเกือบ 5 เท่า😲แพทย์หญิงสิรินันท์ บุญยะลีพรรณ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง โรคภูมิแพ้ตอนแพ้ไรฝุ่น ได้อธิบายถึงการเกิดภูมิแพ้ ที่มาจากตัวไรฝุ่น ดังนี้

ตัวไรฝุ่นสามารถผลิตสารก่อภูมิแพ้ออกมาได้ ทั้งแบบของแข็งและของเหลว ซึ่งสารก่อภูมิแพ้มันจะอยู่ที่มูลที่ตัวไรฝุ่นถ่ายออกกระจายอยู่ทั่วเครื่องนอน โซฟา อื่นๆเมื่อสารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นรุกล้ำเข้าสู่ร่างกายบางคนที่แพ้ ไรฝุ่นจะไปเกาะอยู่กับภูมิต้านทานชนิดไอจีอี (IgE) ซึ่งอยู่บนผิวเซลล์ที่ชื่อว่า เซลล์มาสต์ (Mast Cell) แล้วทำให้เกิดการส่งสัญญาณต่างๆ เข้าไปในเซลล์มาสต์ จนในที่สุดทำให้เซลล์มาสต์ปล่อยสารต่างๆ ที่อยู่ภายในออกมาซึ่งสารเหล่านี้มีฤทธิ์ทำให้มีการรั่วซึมของๆ เหลวออกจากเส้นเลือดเกิดกการบวมในบริเวณดังกล่าว และมีการรั่วซึมของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ ออกมาจากเส้นเลือด ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ อาการจาม น้ำมูกใสๆ เป็นผื่นแบบหาสาเหตุไม่เจอ คันตา ตาบวม แน่นหน้าอก หายใจหอบ ในเด็กเล็กอาจร้องไห้งอแง #ส่องดู

“ตัวไรฝุ่น”

ตัวไรฝุ่นที่อยู่บนเตียงนอน ปลอกหมอน หมอน ผ้าห่ม ฯลฯ สามารถเจริญเติบโตได้ดียิ่งถ้าได้อาหารจากเศษผิวหนังของคนก็คือของพวกเราที่นอนเกลือกกลิ้งกันอยู่ทุกคืนนั่นแหละค่ะแล้วไหนจะจากเศษผิวหนังของสัตว์เลี้ยงที่หลายคนชอบเอามานอนด้วยบนเตียงนอนเดียวกัน และนี่คือความน่ากลัวจากภัยใกล้ตัวที่เรามองไม่เห็นของตัวไรฝุ่นที่อยู่ในที่นอน และหมอนโดยทีม Hobbyslam ได้จัดทำคลิปในชื่อตอน (พิสูจน์) ส่องไรฝุ่น หน้าตาเป็นยังไง? ด้วยการดูดเอาฝุ่นจากที่นอน หมอนและฝุ่นในห้องนอนมาส่องกล้องขยายให้เห็นกับตาเลยว่าความน่าเกลียดที่มาพร้อมกับอันตรายมันเป็นยังไง คุณพ่อคุณแม่ไปดูคลิปนี้พร้อมกันค่ะ

คลิป👉https://youtu.be/cCZtxWuU3Kc

เห็นภาพตัวไรฝุ่นวายร้ายที่ซ่อนอยู่ในที่นอนแบบนี้แล้ว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องตระหนักเห็นถึงความสำคัญในการรักษาทำความสะอาดบ้าน ห้องนอน ชุดเครื่องนอนกันให้มากขึ้นด้วยนะคะเพราะไม่เช่นนั้นโรคภูมิแพ้ถามหาที่ไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้น แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็เป็นภูมิแพ้ได้ไม่ต่างกันกับเด็กๆ ค่ะ เอาเป็นว่าให้หมั่นซักทำความสะอาดชุดเครื่องนอนทุก 2 สัปดาห์ จะให้ดีเอาวิธีทำความสะอาดที่ฆ่าไรฝุ่นได้ด้วย

ไขข้อสงสัย ไรฝุ่น
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178900316901822/

14 วีธีกำจัดไรฝุ่น
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178901353568385/

ที่มา: amarinbabyandkids.com

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

#WangVilla

#Nubycomfortthailand

#ผ้าอ้อมเด็ก #ผ้าอ้อม #nuby
#แพมเพิสเด็ก #ของฝากเยี่ยมคลอด #ของใช้เด็กอ่อน #เตรียมกระเป๋าคลอด #แพมเพิสราคาประหยัด

14 วิธีกำจัดไรฝุ่น

แม่จ๋ารู้แล้วนะคะว่า ไรฝุ่นนั้นอันตรายต่อสุขภาพลูกน้อยเป็นอย่างมาก จากโพสต์ก่อนหน้า ทีนี่มาดูวิธีกำจัดศัตรูร้ายที่มองไม่เห็นนี้กันจ้า

(สำหรับแม่จ๋าที่ยังไม่ได้อ่านโพสต์ก่อนหน้า สามารถเลื่อนลงไปดูที่ลิงค์ข้างล่างได้จ้า)

#14_วิธีกำจัดไรฝุ่นในห้องนอน ให้ลูกห่างไกล ภูมิแพ้

1.ในห้องนอนลูกหรือห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่นั้น ควรมีเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่อาจเกาะอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่น ๆ

2.ในห้องนอนไม่ควรปูพรม เพราะพรมคือสิ่งที่จะอมฝุ่นเอาไว้ได้มากที่สุด ดังนั้น ห้องนอนของเราควรเป็นพื้นไม้หรือกระเบื้องยางจะดีที่สุดค่ะ

3.เตียงนอนควรใช้แบบไม่มีขาเตียง (ถ้าเลือกได้) ควรเลือกเตียงที่แนบสนิทกับพื้นห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นนั้นขังอยู่ใต้เตียง

4.สำหรับที่นอนยาง ฟองน้ำหรือแบบสปริง ควรห่อหุ้มด้วยพลาสสติกหรือไวนิลที่มีซิปปิดมิดชิดก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยปูทับผ้าด้วยผ้าปูที่นอนที่ทำจากผ้าฝ้ายอีกครั้งนึงค่ะ

5. การใช้เครื่องฟอกอากาศภายในห้องนอนหรือภายในบ้าน ควรหมั่นตรวจเช็คและทำความสะอาดแผงกรองอากาศทุกเดือน

6.พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าหรืออุปกรณ์ที่ทำจากผ้าขนสัตว์ ผ้าสักหลาด หรือผ้าสำลีที่มีขนปุกปุย เพื่อลดไรฝุ่น

7.หลีกเลี่ยงการใช้หมอนนุ่นและหมอนขนสัตว์ เพราะจะเป็นที่สะสมฝุ่นและเชื้อรา ควรใช้หมอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่ายมากกว่า

8.เปลี่ยนจากการใช้ผ้าม่านมาเป็นมู่ลี่ที่ทำด้วยพลาสติกหรือไม้แทน ทั้งนี้ถึงเวลาจะได้ถอดมาทำความสะอาดได้ง่ายนั่นเอง

9. เสื้อผ้าทุกชิ้นควรจะต้องใส่ไว้ในตู้หรือลิ้นชักที่ปิดสนิทมิดชิดเสมอ

10. ไม่ควรนำตุ๊กตาไว้ในห้องนอน โดยเฉพาะตุ๊กตาที่มีขนปุย

11. ควรปัดฝุ่นและเช็ดทำความสะอาดภายในตู้และลิ้นชักอย่างน้อยเดือนละครั้ง

12. ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ภายในบ้าน แม้ว่าจะยังไม่แพ้สัตว์ชนิดนั้นก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้

13. ควรกวาดบ้านและทำความสะอาดห้องนอนอย่างน้อยวันละครั้ง และเช็ดพื้นด้วยผ้าเปียกทุกวัน

14.การทำความสะอาดเครื่องนอน ปลอกหมอนและผ้าคลุมเตียงนั้น ควรซักด้วยน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิมากกว่า 60 องศาเซลเซียส และให้รีดผ้าปูที่นอนซ้ำอีกครั้ง เพื่อป้องกันไรฝุ่น

ถ้าจะให้ดีซักด้วยน้ำยาฆ่าไรฝุ่น หรือทำให้ไรฝุ่นตายด้วยสมุนไพรกำจัดไรฝุ่นก่อนนำชุดเครื่องนอนไปซัก จะได้ชะล้างทั้งซากไรฝุ่น และมูลไรฝุ่น กำจัดแบบถอนรากถอนโคน

หากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำตามที่กล่าวมาแล้วได้ละก็ เพียงเท่านี้ห้องของคุณลูกที่รักของเราก็ปราศจากไรฝุ่น และห่างไกลจากโรคภูมิแพ้แล้วจ้า 😊

แม่จ๋า เช็คด่วน !! ลูกกำลังแพ้ไรฝุ่นหรือเปล่า
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178905160234671/

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับไรฝุ่น
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178901353568385/

ที่มา: amarinbabyandkids.com

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

#WangVilla

#Nubycomfortthailand

ไขข้อสงสัย้กี่ยวกับไรฝุ่น

คุณแม่จ๋าพอได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับไรฝุ่นจากโพสต์ที่แล้วคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับไรฝุ่น (ถ้าแม่จ๋ายังไม่ได้อ่านโพสต์ที่แล้ว สามารถดูเลื่อนลงไปดูที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยจ้า)

แอดมีคำตอบจากคุณหมอจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มาไขข้อข้องใจให้จ้า ตามมาดูคำถามและคำตอบกันเลยจ้า👇

1. ไรฝุ่น กับ ไรอื่นๆ เหมือนกันไหม

ตัวไร (mite) มีหลายชนิด ทั้งไรคน เช่น ไรขุมขน ไรสัตว์ เช่น ไรนก ไรหนู สำหรับไรที่อยู่ตามฝุ่นบ้านเรือน จึงมักเรียกว่า ไรฝุ่นบ้าน (house dust mite) มูลของไรจำพวกนี้เป็นโปรตีนที่มีคุณสมบัติเป็นสารก่อภูมิแพ้หรือเรียกว่า allergen สามารถก่อโรคภูมิแพ้แก่คนได้

2. ไรฝุ่นกัดหรือดูดเลือดไหม เพราะตอนนอนรู้สึกคัน

ไรฝุ่น ไม่กัด ไม่ต่อย เพราะปากไม่เป็นลักษณะแทงดูด (Piercing & sucking mouthpart) สำหรับบางคนอาจมีอาการคัน เพราะระคายเคืองสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นก็ได้

3. ลูกเหม็น ยาฉีดสเปรย์กันยุง ใช้ฆ่าไรฝุ่นได้ไหม

โดยทั่วไปสารพวกนี้มีฤทธิ์ฆ่าแมลง ซึ่งก็ฆ่าไรฝุ่นได้ แต่ปัญหาก็คือ ไรฝุ่นมีแหล่งที่อยู่ตามเครื่องนอน ถ้าขืนนำมาฉีด บนที่นอน จะเป็นการใช้ผิดประเภท สงสัยคนจะตายพร้อมไรหรือไรตายก่อนแล้วคนตายตาม

4. นำฟูก หมอน ออกตากแดด ฆ่าไรฝุ่นได้ไหม

ความร้อนที่ 55-60 องศาเซลเซียส นาน 20 นาทีสามารถฆ่าไรฝุ่นได้แต่ไม่ทำลายสารก่อภูมิแพ้
อากาศกลางแดดเปรี้ยงๆหน้าร้อนจะประมาณ 40-41 องศาเซลเซียส และความร้อนสูงสุดของวันจะเป็น ช่วงบ่าย 2 โมง

อุณหภูมิภายในฟูกไม่สูงพอที่จะฆ่าไรได้ มันชาญฉลาดกว่าที่คิด เพราะเมื่อพลิกที่นอนกลับอีกด้าน มันจะหนีลงไปอยู่ในที่ร้อนน้อยกว่า อย่างไรก็ตามพบว่าการตากแดดช่วยทำให้ความอับชื้นในที่นอนลดลง และถ้าตากแดดนานติดต่อกัน 5 ชั่วโมงจะทำให้สภาวะไม่เหมาะแก่การฟักตัวของไข่ไรฝุ่น

5. ที่นอนใหม่ ไม่มีไรฝุ่นใช่ไหม

บอกไม่ได้ว่า"ไม่มีไรฝุ่น" อาจมีหรือไม่มีไรฝุ่นก็ได้ แต่ที่แน่ๆ เมื่อใช้งานไปจะตรวจพบไรฝุ่นแน่นอน มีงานวิจัยรายงานไว้ว่าที่นอนใหม่ที่ใช้ไปได้นาน 4-6 เดือน สามารถตรวจพบ mite allergen ได้เกินระดับมาตรฐานสากล

6. เครื่องดูดฝุ่นแรงดีๆ ดูดไรฝุ่นได้หมดเลยไหม

ไรฝุ่นมีขาอันแข็งแรงในการรวบจับเส้นใย และไม่ได้มี 2 ขานะ แต่มี 8 ขา ฉะนั้น สามารถยึดตัวไว้กับเส้นใย ต้านแรงดูดจากเครื่องดูดฝุ่น ตัวไรจึงหลุดออกมาได้ยากมาก

อย่างไรก็ตามสามารถดูดซาก และมูลไรได้ ความสำคัญอยู่ที่ถุงเก็บฝุ่น ควรเป็นถุงที่หนา หรือ double bag หรือ ใช้เครื่องที่มีแผ่นกรองที่เรียก HEPA filter จะกั้นไม่ให้ฝุ่นละเอียดเล็ดลอดออกมาอีก ช่วยลดความฟุ้งกระจาย ไม่ควรให้ผู้ป่วยดูดฝุ่นเอง หรืออาจใช้วิธีอื่นแทน เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดทำวามสะอาด

7. จะทราบได้อย่างไรว่าเราสูดดมสารก่อภูมิแพ้เข้าไปเท่าไร

เป็นการยากที่จะตรวจวัดว่า เราสูดดมสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นเข้าไปวีนละเท่าไร ปัจจุบันเราตรวจโดยอ้อมคือ ดูดฝุ่นแวดล้อมที่เราอยู่อาศัยแล้วนำมาตรวจหาปริมาณ mite allergen concentration โดยวิธีทางอิมมูโนวิทยา

8. อยากปูพรม แต่เป็นแพ้ไร ทำอย่างไรดี

พรมเป็นแหล่งสะสมไร ใครที่คิดจะปูพรม จงคิดให้รอบคอบถึงการทำความสะอาดด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ "ต้อง" หลีกเลี่ยงการใช้พรม

ในต่างประเทศอากาศหนาว ต้องใช้พรม และก็เป็นปัญหาที่ยังแก้ไมได้จนทุกวันนี้ ที่ใช้กันทุกวันนี้คือ โรยด้วยยาฆ่าไร (acaricide) ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น หรือ ใช้เครื่องซักพรมระบบที่มีไอน้ำความร้อนสูง ซึ่งมักต้องให้ professional company มาจัดการ

9. ที่ไหนๆก็มีไรฝุ่นใช่ไหม จะกำจัดให้หมดไปได้หรือเปล่า
ไรฝุ่นเป็นสัตว์คู่โลก บ้านสะอาดแค่ไหนก็มีไรฝุ่น ดังนั้นไม่ต้องตกใจเกินเหตุ เราสามารถอาศัยในบ้านเดียวกันได้ เพียงแต่ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ก็ใส่ใจเป็นพิเศษหน่อย เพิ่มความขยันทำความสะอาดมากกว่าผู้ไม่แพ้สักหน่อย ก็จะสามารถมีชีวิตอันปกติได้ ควรใส่ใจห้องนอนมากเป็นพิเศษ และหาทางหลีกเลี่ยงสารแพ้ โดยวิธีง่ายๆ งบประมาณตามเศรษฐานะของตน ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนซื้อของแพงแต่ประโยชน์น้อยมาใช้

10. ตุ๊กตา ก็มีไรฝุ่นเหรอ แล้วจะทำอย่างไรดี

วัสดุที่บรรจุด้วยเส้นใย จะเป็นถิ่นที่ไรฝุ่นชอบอยู่ ตุ๊กตาควรใช้ที่ซักได้ และหมั่นนำออกตากแดด เคยมีผู้แนะนำให้จับใส่ในช่อง freeze ในตู้เย็น จากการศึกษาวิจัยพบว่า ไข่ไรฝุ่นสามารถฟักตัวต่อได้แม้จะแช่ไว้ ณ อุณหภูมิตู้เย็นบ้าน (8-10 องศาเซลเซียส) นาน 1 เดือน

11. การซักผ้า ทำให้ไรฝุ่นตายไหม

ไม่ตาย แต่ชะล้างให้หลุดไปได้ การซักเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ มูลไรฝุ่นเป็นสารที่ละลายน้ำได้ จึงขจัดมูลไรได้ดีถึง 98% หรือเกือบหมด ถ้าใช้น้ำผสมผงซักฟอกหรือน้ำสบู่หรือใช้น้ำร้อนด้วยยิ่งทำให้การชะล้างดีขึ้น

12. จำเป็นต้องใช้ผ้ากันไรฝุ่นไหม

มีงานวิจัยจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศยืนยันว่าการใช้ผ้ากันไรฝุ่น ทำให้ลดการฟุ้งการฟุ้งกระจายของสารก่อภูมิแพ้(มูลไร)ได้ และการลดการสัมผัสสูดดมสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นลงได้จะทำให้อาการของโรคทุเลาลง อย่างไรก็ตามผ้ากันไรฝุ่นไม่ใช่ผ้าวิเศษ ไม่ได้ใช้ในการรักษาโรค อย่าฝากความหวังไว้กับผ้ากันไรฝุ่น ที่นิยมใช้กันมากเพราะเป็นวิธีที่สะดวกในชีวิตประจำวัน

คุณแม่จ๋าได้คำตอบกันบ้างแล้วนะคะ สำหรับข้อสงสัยต่างที่เกิดขึ้น ทีนี่ตามไปดูกันค่ะว่า มีวิธีไหนบ้างจะช่วยป้องกัน และกำจัดไรฝุ่น คลิ๊กลิงค์ข้างล่างเลยจ้า 👇

แม่จ๋า เช็คด่วน !! ลูกกำลังแพ้ไรฝุ่นหรือเปล่า
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178905160234671/

14 วีธีกำจัดไรฝุ่น
https://www.facebook.com/110669450391576/posts/178901353568385/

ที่มา: sanook.com
theasianparent.com

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

9 ท่าปลอดภัยมีเซกซ์ระหว่างตั้งครรภ์

Aleece Fosnight ผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษา เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ กล่าวไว้ว่า การมีเซ็กซ์ระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยให้ลดความแปรปรวนของฮอร์โมน
ลดความหงุดหงิด ปรับอารมณ์คุณแม่ให้ดีขึ้น สดใส มีความสุขยิ่งขึ้น และยังช่วยให้เลือดลมคุณแม่เดินสะดวกกว่าเดิม ซึ่งก็แปลว่าคุณแม่จะมีสุขภาพดี การส่งผ่านสารอาหารจากแม่สู่ลูกในท้องก็ดีขึ้น #ส่งผลต่อลูกในท้องก็มีสุขภาพดีตามด้วยจ้า 😘😊

เห็นข้อดีแบบนี้ แอดจึงมาแชร์เทคนิคในการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ท้องแรก อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าคุณแม่ที่ผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก จะมีคำถามที่มาพร้อมกับความกังวลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉันมีเซ็กส์ตอนท้องได้ไหม มันจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า สามีฉันจะไปมีกิ๊กกินนอกบ้านหรือเปล่าถ้าไม่มีเซ็กส์กันเลยตลอดการตั้งครรภ์ ตั้ง 9 เดือนแนะ ไม่สิ 11 เดือน เพราะหลังคลอด 6-8 สัปดาห์ถึงควรจะเริ่มมีเซ็กส์….ต่างๆ นานา คำถาม

วันนี้แอดรวบรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศที่น่าสนใจมาฝากคุณแม่จ๋า
คุณพ่อจ๋า...ตามไปดูกันจ้า

#คำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเซ็กส์ระหว่างตั้งครรภ์

1.การสอดใส่อวัยเพศของคุณพ่อ และน้ำอสุจิจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในท้องหรือไม่

เรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับทั้งคุณแม่และคุณพ่อทีเดียว Aleece Fosnight กล่าวว่า ไม่เป็นอันตรายต่อลูกในท้องจ้า เพราะลูกน้อยมีมดลูกที่แข็งแรงของคุณแม่ทำหน้าที่ป้องกันอันตราย หรือแม้กระทั่งควบคุมสารคัดหลั่งสิ่งแปลกปลอมต่างไม่ให้เข้าไปทำร้ายเจ้าตัวน้อยได้

อย่างไรก็ตามควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด

2.หากมีเซ็กส์ระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดหรือไม่

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์บน PubMed Central; Sex in pregnancy ระบุไว้ว่า #การเซ็กส์ระหว่างตั้งท้องไม่ทำให้แท้งหรือคลอดก่อนกำหนด ในคุณแม่ตั้งท้องที่มีสุขภาพครรภ์สมบูรณ์ปกติ

ในทางกลับกันในคุณแม่ที่สุขภาพครรภ์สมบูรณ์แข็งแรง การมีเซ็กส์เป็นประจำจะช่วยให้คุณแม่คลอดง่ายขึ้น

ยกเว้นคุณแม่ที่เกิดภาวะการตั้งครรภ์ผิดปกติ เช่น แท้งคุกคาม รกเกาะต่ำ ผนังมดลูกบาง อุ้งกระดูกเชิงกรานไม่แข็งแรง เป็นต้น หากมีเซ็กส์ขณะตั้งท้องก็อาจจะทำให้แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้

3.หากมีเลือดออกหลังมีเซ็กส์ ควรกังวลหรือไม่ ควรทำยังไง

หากมีเลือดออกแค่นิดหน่อย แค่เปื้อนติดผ้าติดกางเกงชั้นใน แล้วหยุดไหลในวันรุ่งขึ้นอันนี้ไม่ต้องกังวล เพราะระหว่างการตั้งครรภ์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ซึ่งง่ายต่อการระคายเคือง อาจจะมีเลือดออกได้บ้างนิดหน่อยตอนมีเซ็กส์

#ข้อควรระวังต้องไปพบคุณหมอถ้า

👉หากเลือดยังไม่หยุดไหล ต่อเนื่องมากกว่า 1 วัน หรือสัปดาห์เพราะอาจจะเกิดจากภาวะรกเกาะต่ำ

👉หากคุณมีภาวะเจ็บปวดแปล๊บเป็นระยะ ปวดหน่วงคล้ายปวดท้องอุจจาระแต่ไม่มีอุจจาระ และมีเลือดออกกระปริบกระปรอย อาจจะเป็นภาวะท้องนอกมดลูกซึ่งอาการเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับการมีเซ็กส์ระหว่างตั้งครรภ์ ต้องไปพบหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียด

4. มันเป็นอาการปกติหรือหากรู้สึกเจ็บตอนมีเซ็กส์ระหว่างตั้งครรภ์

อาจจะมีบ้างมี่เจ็บตรงบริเวณเต้านม หัวนม
หรือแม้กระทั่งบริเวณอวัยวะเพศของคุณแม่ เนื่องจากฮอร์โมนช่วงตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงกระตุ้นให้บริเวณดังกล่าวขยายตัว บอบบางกว่าปกติ ซึ่งง่ายต่อการระคายเคือง รู้สึกได้ไวเมื่อมีการกระตุ้นสัมผัส คุณแม่อาจจะรู้สึกเจ็บบ้างถ้าหากรู้สึกเจ็บกระทั้งรู้สึกว่าไม่อยากจะมีกิจกรรมต่อก็ควรบอกคุณพ่อตรงๆให้หยุดก่อน แล้วค่อยมีเซ็กส์ใหม่ครั้งต่อไป วันหลัง ไม่ควรฝืน เพราะการมีเซ็กส์ควรรู้สึกดีทั้งสองฝ่าย อันนี้แอดว่าคุณพ่อน่าจะเข้าใจได้เมื่อคุณแม่บอกคุณพ่อตรงๆ

5.ควรเริ่มมีเซ็กส์เมื่อไหร่

จากรายงานของ Health Science Journal; Sexual intercourse during pregnancy ระบุไว้ว่า
ควรเริ่มมีเซ็กส์ได้ หลังตั้งครรภ์ 6 สัปดาห์
และหลังคลอด 6 สัปดาห์ เช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ดีควรตรวจสุขภาพกับคุณหมอก่อนเริ่มมีเซ็กส์นะคะคุณแม่ คุณพ่อด้วยจ้าทีนี่มาดูกันจ้า ว่าท่าทางในการมีเซ็กส์แบบไหนบ้างที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

1.ท่าช้อน spooning
แบบนอนตะแคงข้าง คุณพ่อจะอยู่ด้านหลังคุณแม่ เหมาะกับทั้งสามไตรมาสของการตั้งครรภ์

2.ท่าคุณแม่อยู่ด้านบน cowgirl
เหมาะกับช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2

3.ท่าคุณแม่อยู่ด้านบนหันหน้าไปด้านเท้าคุณพ่อ
Reverse cowgirl เหมาะกับช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2

4.ท่าเข้าด้านหลัง doggy style
ท่านี้คุณแม่อาจจะใช้หมอนช่วยพยุงช่วงแขนและท้องเพื่อลดการเมื่อย

5.ท่ายืน standing
คุณแม่ยืนหันหน้าเข้ากำแพง ใช้กำแพงช่วยพยุงแขนคุณแม่ไว้ คุณพ่อจะอยู่ด้านหลัง

6. ท่าเก้าอี้ หรือโซฟา seated pregnancy sex
คุณพ่อนั่งบนเก้าอี้ หรือบนโซฟา โดยที่คุณแม่นั่งบนตักคุณพ่อ ซึ่งท่านี้คุณพ่อสามารถพิงหลังบนเก้าอี้ โซฟาได้ลดอาการเมื่อยล้า

7.ท่ากรรไกร scissors
เหมาะกับช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2

8.ใช้ปาก oral sex
ท่านี้หากคุณพ่อเป็นคนใช้ปากทำกิจกรรมให้คุณแม่ ต้องระวัง #ห้ามเป่าลมเข้าไปในช่องคลอดคุณแม่เด็ดขาด เพราะมีอันตรายอาจจะทำให้คุณแม่และลูกน้อยในท้องเสียชีวิตได้

9.มีเซ็กส์รูทวาร anal sex
ท่านี้ต้องปรับท่าทางของคุณแม่ให้อยู่ในท่าสบาย ไม่กดทับท้อง

การทำกิจกรรมต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง และความพอใจของทั้งสองฝ่าย เพื่อเข้าถึงอารมณ์สุขอิ่มเอมได้และปลอดภัยต่อทั้งสามคนด้วยจ้า😊

#อาการผิดปกติที่คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอ

1.เจ็บ ปวด ครรภ์มากผิดปกติ

2.มีเลือดออกมากผิดปกติ และต่อเนื่องเกิน 1 วัน

3.หายใจลำบาก

4.อาการที่ผิดปกติอื่นๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่เข้าข่ายสงสัย...ปกติคุณแม่ตั้งครรภ์จะสัมผัสได้

แอดหวังว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ คลายความกังวลให้กับทั้งคุณแม่คุณพ่อ และส่งเสริมกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวนะคะ😊

ที่มา: healthline.com; parenthood

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

#WangVilla

#Nubycomfortthailand

#ผ้าอ้อมเด็ก #ผ้าอ้อม #nuby
#แพมเพิสเด็ก

9 เทคนิค สอนลูกเก่งอังกฤษพ่อแม่สร้างได้

คุณพ่อจ๋า คุณแม่จ๋าอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษอ่านตรงนี้เลยจ้า 👇

1. สอนภาษาลูกให้เป็นเรื่องสนุก
ข้อนี้สำคัญมาก คือการสอนที่สนุก ไม่เคร่งเครียดเพราะความเครียดจะทำให้ลูกไม่มีความสุข

สรุปง่ายๆลูกต้องสนุกและพ่อแม่ต้องสนุกด้วย
เพราะว่าการสอนภาษาพ่อแม่ต้องสอนลูกยาวนาน ต้องใช้เวลาสร้างลูก เมื่อเขาเรียนรู้อย่างสนุก พ่อแม่สนุกกับเขา เขาก็จะมีความสุข รู้สึกว่าเวลาพูดภาษาอังกฤษกับพ่อแม่แล้วมีความสุขทุกครั้ง

2.เลือกระบบการสอนที่เหมาะสม
คนในครอบครัวควรเลือกระบบการสอนลูกเป็นเด็ก 2 ภาษา ในแบบที่เหมาะสมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นระบบ 1 คน 1 ภาษา ก็คือคนที่สอนเป็นต้น

แบบแบ่งหน้าที่กัน ภาษาที่หนึ่งและภาษาที่สอง ภาษาที่หนึ่งคือภาษาแม่เด็กก็จะเรียนรู้เองว่าคุยกับคนนี้ต้องพุดแบบนี้ คุยกับคนนี้ต้องพูดแบบนี้เข้าใจง่าย หรืออีกระบบคือ 1 เวลา 1 ภาษา ตามสถานการณ์หรือเวลาที่กำหนด

โดยพ่อแม่ต้องบังคับตัวเองในการพูดภาษาอังกฤษให้ได้ตามที่ตกลงหรือกำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ อดทน เพียงพยายามทำให้ได้ต่อเนื่องจนลูกโต

3. สอนลูกโดยไม่แปลคือ การไม่สอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล เช่น Cat คือ แมว แล้วให้ลูกท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมกับคำแปล เพราะการสอนแบบนี้จะทำให้ลูกพูดทั้งคำศัพท์และคำแปลไปพร้อมกัน เช่น แคทแมวและยังทำให้ต้องใช้เวลาคิดอยู่ในหัวเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ก่อนพูดภาษาอังกฤษ มักจะคิดว่า เอ๊ะ…คำนี้ศัพท์คืออะไร ไม่ได้ออกมาตามธรรมชาติของคำศัพท์นั้น

ซึ่งเด็กควรจะเห็นแมวเดินมาแล้วพูดว่า แคท ได้เลยจะดีกว่า ดังนั้นการสอนจึงต้องสินให้เด็กรู้จักศัพท์และชี้ไปที่สิ่งนั้นโดยตรงแล้วใช้คำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษร่วมด้วย ทั้งพ่อแม่และลูกก็จะสนุกร่วมกัน

4.เน้นการพูด และประสบการณ์ร่วมกัน
พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบกระตุ้นสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เด็กเปล่งเสียงออกมาเลียนแบบต้นแบบ ไม่ได้ให้ลูกฟังอย่างเดียวแต่ให้ลูกสื่อสารกลับมาด้วย

เพราะความจริงแล้วภาษาเกิดจากการฟังพูดก่อน หมั่นทำซ้ำๆ ตรงนี้ให้แน่น ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน และเป็นต้นแบบให้ลูกเลียนแบบ

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกไปอยู่กับไอแพด สิ่งที่เกิดขึ้นพ่อแม่และลูกจะฟังได้แต่คุณและลูกจะพูดไม่ได้หรือพยายามจะพูดจนเคอะเขินในการออกเสียงหรือออกเสียงไม่ถูก

เพราะไม่มีคนขัดเกลาการเลียนแบบ ที่สำคัญคือต้องทำซ้ำทุกวัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ ให้ลูกเคยชินจนคล่องและติดไว้ในความทรงจำ และฝังไว้ในสมอง

การพูดกับลูกจะเป็นการใช้ประสบการณ์ร่วมกัน ทำให้ลูกสามารถจดจำได้ยาวนาน อาจเริ่มง่ายๆ จากกิจวัตรประจำวันที่ลูกทำกับพ่อแม่ เช่น กินอาหาร อาบน้ำ แปรงฟัน ฯลฯ

5.สอนภาษาให้ต่อเนื่อง
คือการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันไปทีละจุด โดยต้องเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดก็คือ “คำ” พอคำพูดจากความรู้สึกได้ ก็จะเป็น “วลี” แล้วค่อยไปเป็น “ประโยค“ สอนลูกทีละจุด ทีละคำ

เช่นมีของอย่างหนึ่งยื่นให้ลูก แล้วก็พูดว่า Take(เทค) ไม่ได้มีความรู้สึก เด็กจะบันทึกว่ามีการยื่น เขาจะจับภาพว่ามีคนยื่นอะไรมาให้เขา เขาหยิบแล้วได้ยินเสียงพูดว่า Take(เทค)

เขาจะบันทึกไว้ในสมองว่าแล้ว จากนั้นขยายเป็นวลี Take it (เทค-อิท) เขาจะรู้ว่าคืออะไร แล้วค่อยเป็นประโยค โดยการเอาตัวเองหรือคนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม Take it him (เทค-อิท-ฮิม) เขาจะเรียนรู้การยื่นให้คนอื่นเข้ามาเพิ่มขึ้น

ดังนั้นพ่อแม่ต้องสอนลุกให้เชื่อมโยง ส่งต่อจากคำหนึ่งเป็นสิบคำหนึ่งเป็นร้อยคำ จากนั้นลูกก็จะคิดเล่าสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากคำง่ายๆ มาเชื่อมต่อกันและค่อยขัดเกลาให้เป็นประโยคภาษาอังกฤษได้ จากสิ่งที่เขาสะสมเอาไว้นั่นเอง

6.ใช้ฝรั่งดิจิตอลเป็นตัวช่วย ไม่ใช่ตัวหลัก
นั่นคือใช้เทคโนโลยีดิจิตอล เป็นตัวช่วยในการสอนภาษาให้กับลูก แต่ให้พ่อแม่ใช้ไม่ใช่ใช้กับลูกเป็นตัวหลัก

คือพ่อแม่ต้องพูดต้องสอนลูกด้วยตัวเอง ไม่ใช่เปิดการ์ตูนฝรั่งให้ลูก เพราะการทำสิ่งนี้จะไม่มีประโยชน์ไม่เกิดผลถ้าพ่อแม่ไม่สอน ไม่พูดกับลูก เพราะลูกอาจจะรู้เรื่องเข้าใจ แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ พูดโต้ตอบในสิ่งที่ต้องการกับพ่อแม่ได้เพราะการให้ลูกเล่นอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ จะทำให้ลูกได้รับการสื่อสารทางเดียว ลูกก็จะพูดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

7.สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กโต
สำหรับการสร้างลูก 2 ภาษาในเด็กที่โตขึ้น คือเด็กจะพูดภาษาไทยเก่งแล้วอาจจะ 3- 4ขวบ ก็สามารถสอนได้ แต่เด็กช่วงนี้เขาพูดภาษาแม่แข็งแรงแล้ว เขาจึงอาจจะไม่อยากพูดอีกหนึ่งภาษาเพราะฉะนั้นหลักของแนวคิดเด็ก2 ภาษาในช่วงนี้ก็คือ คุยกับลูกก่อนว่า หนูต้องพูดภาษาอังกฤษด้วยเหตุผลอะไร คุณพ่อคุณแม่ต้องไปคุยกับเขาก่อนวางเป้าหมายและแรงบันดาลใจให้กับลูกเช่นสมมุติเป็นเด็กผู้หญิงก็คือ ถ้าหนูพูดภาษาอังกฤษได้หนูจะได้ไปเจอเจ้าหญิงอยู่ในนิทานเจอ เอลซ่า เจอ สโนไวท์ พวกนั้นเขาพูดภาษาอังกฤษกัน เราต้องสร้างแรงบันดาลใจผูกกับเงื่อนไขคือ ถ้าลูกไม่รับแล้วต่อต้านก็จบ พ่อแม่จะสอนไม่ได้เลย ต้องผ่านด่านการสร้างแรงบันดาลใจชักจูงให้ลูกชอบและใช้ภาษาไปด้วยกันกับเราให้ได้ก่อนด้วย

8.ใช้คำศัพท์ในบ้าน และผูกประโยคง่ายๆ
ให้ไวยากรณ์อยู่ในความรู้สึก มีคนหลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้เขาบอกว่ามันเป็นแนวคิดเด็กสอนภาษามั่ว และไม่ถูกหลักไวยากรณ์แต่ความจริงแล้วไวยากรณ์มันจะอยู่ในความรู้สึกดังนั้นเมื่อสอนเด็กให้พูดง่ายๆ ก่อนจากคำศัพท์ใกล้ตัวในบ้านให้ครบทุกชิ้นก่อน จากนั้นค่อยๆ ผูกประโยคง่ายๆ ใช้คำกริยาที่ไม่ซับซ้อน เช่น หยิบจับ วาง ทำแบบนี้ทุกวันเรื่อยๆ จนคล่อง แล้วค่อยใช้ตามหลักไวยากรณ์ให้ใกล้เคียงการพูด และให้ลูกเลียนแบบ จากนั้นเรื่องไวยากรณ์จะเกิดขึ้นตามความรู้สึกได้เองว่าเขาใช้คำนี้ผิด และใช้คำนี้ถูก เช่น เริ่มจากให้ลุกรู้จักคำว่า เตียง พ่อแม่ชี้ไปที่เตียงก่อนนอนทุกวันแล้วสอนว่า Bed ให้เขารู้ว่าเวลานอนคือ sleep จากนั้นก็ค่อยเริ่มเป็นประโยค It’s bed time. เขาก็จะรู้ว่าต้อง Sleep แล้วการสอนแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้ประโยคต้นแบบให้ถูกต้อง และลูกก็จะเลียนแบบตามโดยไม่ต้องอธิบาย และจะใช้ถูกเองอย่างเป็นธรรมชาติดังนั้นถ้ามีคนพูดต่างจากสิ่งที่เขาเคยได้ยิน เขาจะรู้สึกทันทีว่ามันผิด แต่เขาอาจจะยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงผิด ยกตัวอย่างง่ายๆ เกี่ยวกับคนจีนเช่นคำว่า อั่งเปา หรือซองแดงที่ให้วันตรุษจีน ซึ่งหากแยกคือคำว่า “เปา” คือซอง แต่สีแดงจะออกเสียงว่า “อั้ง” ซึ่งพอเอามารวมกันกลับออกเสียง “อั่งเปา” ไม่มีใครพูด “อั้งเปา” เพราะมันเพี้ยน นี่คือไวยากรณ์อยู่ในความรู้สึก

9.ทำซ้ำๆ เน้นความถี่
เด็กจะตอบสนองกับการทำซ้ำและความถี่ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือพื้นที่ที่มีความถี่ของภาษาไหน ลูกก็จะเรียนรู้และตอบสนองต่อภาษานั้นได้ดีมากตามไปด้วยนั่นเองดังนั้นเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4 ปีแรก จะอยู่กับพ่อแม่มากที่สุด ดังนั้นพ่อแม่จะต้องใช้ภาษากับลูกซ้ำๆ บ่อยๆ สร้างสถานการณ์ที่สอดคล้องกับสิ่งนั้นสม่ำเสมอ เป็นประจำ เช่น หยิบขนมเข้าปากแล้วบอกลูกว่า Eat (อีท) ลูกจะรู้ด้วยความรู้สึกว่าแบบนี้คืออีทดังนั้นกริยาอื่นๆ ก็จะไม่ใช่อีทนั่นเอง และหลังจากลูกเริ่มจำและออกเสียงคำศัพท์ได้เยอะระดับหนึ่งแล้ว ต้องเริ่มผูกวลีง่ายๆ ให้เขาพร้อมกับการทำกริยานั้นๆ เช่น Sit down (นั่งลง) Stan up (ยืนขึ้น) เป็นต้น

รวมถึงการที่คุณพ่อคุณแม่อ่านนิทานภาษาอังกฤษให้ลูกฟังทุกวัน ก็จะทำให้ลูกรู้ในสิ่งที่เห็นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเรียนรู้อย่างสนุกมีความสุข เห็นภาพ แล้ววันหนึ่งเขาก็จะชี้ตัวละครและส่งเสียงเป็นภาษาอังกฤษชื่อตัวนั้นตามที่พ่อแม่อ่านให้ฟังได้ด้วย

ได้เทคนิคดีๆ กันแล้ว ที่เหลือลูกจะเก่งไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ขึ้นอยู่กับแม่จ๋า พ่อจ๋า แล้วจ้า 😊

ที่มา: amarinbabyandkids

--------------------------------

โปรดแชร์ให้คนที่คุณรัก

ติดตามบทความดีๆที่นี่ WangVilla

#nuby
#ผ้าอ้อมเกรดพรีเมี่ยม
#แพมเพิสเด็ก